Person of the Month พฤษภาคม 2561 : ณัฏฐา ควรขจร

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน Person of the Month ประจำเดือนพฤษภาคมนี้ จะพาไปพบกับ ณัฏฐา ควรขจร หรือ มุก อดีตนายกสมาคมนักเรียนไทยในเยอรมนีฯ คนล่าสุดที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกในการทำงานในฐานะนายกสมาคมฯ และการเรียนปริญญาโทในสาขาวิชาดนตรี ที่อาจเป็นเพียงหนึ่งในนักเรียนไทยไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อเทียบกับนักเรียนในสาขาวิชาอื่น ๆ เช่นสาขาวิชาวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ เราจะพาไปดูกันว่าตั้งแต่วันที่ มุกตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งฯ จนมาถึงวันนี้ที่เป็นอดีตไปแล้ว จะมีเรื่องราว ความท้าทายและประสบการณ์อะไรบ้างที่ได้รับจากการทำงานในสมาคมฯ

ขอเริ่มด้วยการเล่าประวัติส่วนตัวกันสักหน่อย หลังจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากประเทศสิงคโปร์ด้วยดีกรีนักเรียนทุน มุกก็ได้มีความสนใจที่จะมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี แต่เส้นทางนั้นไม่เคยง่ายสำหรับประเทศนี้ การสอบเข้านั้นยากกว่าที่มุกคาดไว้

“สอบมันยากมาก 40-50 คนแต่รับแค่คนเดียว มันเกินกว่าที่เราคาดไว้มาก ต่างกับฝั่งเอเชีย สอบ 5 คน รับ 2 คน ซึ่งเราคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นแต่พอมาถึงจริง ๆ แล้วไม่ใช่ ที่เยอรมันต้องมาสร้างคอนเนคชั่นตรงนี้ก่อน ลองเรียนกับอาจารย์ว่าเค้าชอบมั้ย และเค้าโอเคกับการที่จะสอนเรามั้ย สอนแล้วโอเค เค้ามองแล้วว่าพัฒนาได้ ถึงจะได้เรียน”

หลังจากที่พลาดโอกาสไป มุกจึงตัดสินใจกลับไปทำงานที่ประเทศไทยเพื่อหาประสบการณ์ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในเวลา 6 เดือนต่อมา ทำการสอบและลองขอไปเข้าเรียน ไปเล่นให้อาจารย์ดู จนในที่สุดก็ได้เข้าเรียนที่ Hochschule für Musik Karlsruhe ในสาขา Master of Music เอก Performance เครื่องดนตรี Oboe

ด้วยความที่นักเรียนไทยส่วนใหญ่ในประเทศเยอรมนีจะเป็นนักเรียนในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์เสียมากกว่า นักเรียนในสาขาวิชาดนตรีมีเพียงส่วนน้อย ผู้เขียนเลยอยากรู้ว่ามุกมีความรู้สึก มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

“ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้วนะ แต่ตอนช่วงแรกที่มาอยู่เยอรมันก็ค่อนข้างหนัก มันเป็นความรู้สึกแปลกแยก แบบคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่พออยู่ไปเรื่อย ๆ ก็พอปรับตัวได้ อย่างพออยู่กับเพื่อนที่เรียนวิทย์ เราก็ใช้โอกาสนี้ถามคำถามสิ่งที่เราไม่รู้ ซึ่งก็เหมือนเป็นการเปิดโลกให้เรามากขึ้น แล้วในขณะเดียวกันก็ได้มีโอกาสทำให้คนอื่นรู้จักโลกของดนตรีในมุมมองของเราด้วย”

ในวันนี้มุกก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว และกำลังเรียนหลักสูตร Certificate of Advanced Study เป็นเทอมสุดท้าย ด้วยประสบการณ์การการเรียนดนตรีมาอย่างโชกโชน ขึ้นคอนเสิร์ตมาแล้วหลายเวที ผู้เขียนเลยลองถามติดตลกดูว่าถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ จะยังเลือกเรียนดนตรีอยู่มั้ย?

“เราก็ไม่รู้ว่าเราควรตอบแบบนี้หรือเปล่านะ แต่เราก็คงจะเลือกเรียนอย่างอื่น เช่นรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ อักษรศาสตร์ก็อยากเรียน รู้สึกว่าชอบอะไรแบบนี้ ส่วนดนตรีเราคิดว่ามันเป็นงานอดิเรก หลายคนชอบพูดว่าเรียนดนตรีน่าจะมีความสุข ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่มันไม่ใช่ สิ่งที่เคยเป็นความสุขมันกลายมาเป็นความเครียด เราต้องจริงจังกับมัน เราต้องทำมันออกมาให้ดี ในขณะที่ตอนดนตรียังเป็นแค่งานอดิเรก เราแค่ทำไปเพราะมีความสุขเท่านั้นจริง ๆ”

“แต่ถ้าถามว่าโอเคกับชีวิตตอนนี้มั้ย ก็แฮปปี้นะ”

ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วว่ามุกไม่ได้มีความสนใจในด้านดนตรีเพียงอย่างเดียว คงไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ที่เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว มุกได้ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมนักเรียนไทยในเยอรมนีฯ และได้รับเลือกในตำแหน่งนี้ในที่สุด

“แค่เป็นคนชอบทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ แค่คาดหวังว่าเข้ามาแล้วจะได้ทำอะไรให้กับสมาคมฯ และทำออกมาได้ดี ซึ่งสุดท้ายแล้วในภาพรวมทุกอย่างมันก็ออกมาดีแหละ ถึงแม้ว่าจะมีในบางส่วนที่อาจไม่ได้เป็นในแบบที่เราคิด อย่างตอนแรก ๆ เราพยายามที่จะให้ทีมงานทุกคนรู้สึกว่าทุกคนเท่ากัน แต่ที่จริงแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งมันมีความจำเป็นที่เราต้องทำตัวให้เป็นนายกฯ ทำตัวมีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจ ไม่งั้นงานจะไม่บรรลุผลสำเร็จได้เลยซึ่งเราไม่ได้คาดหวังไว้เลยในตอนแรกว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้”

แน่นอนว่าการเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ไม่ง่ายอย่างแน่นอน ประกอบกับกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นในทีมงานชุดนี้ก็มีจำนวนมาก จะมีความท้าทายอะไรบ้างที่มุกจะต้องเจอในฐานะนายกสมาคมฯ

“คงจะเป็นความรับผิดชอบและระเบียบวินัยที่จะต้องมีมากขึ้น แต่ก่อนก็ไม่ได้เป็นคนอย่างที่เป็นในแบบทุกวันนี้ แต่พอได้รับตำแหน่งแล้วงานในส่วนต่าง ๆ มันก็ต้องจัดการให้ดี ต้องมีการแบ่งเวลาทั้งเวลาเรียนและเวลาทำงาน ก็เหมือนเป็นการทำให้คนในทีมเห็นเป็นตัวอย่างไปในตัวด้วย เราไม่อยากว่าหรือวิพากย์วิจารณ์ใคร ถ้าตัวเองก็ยังทำไม่ได้

มีอีกหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนแล้วต้องมาทำ ยกตัวอย่างเช่น การเขียนเอกสารทางการ โดยต้องศึกษาจากเอกสารเก่า เปิดดูจดหมายราชการจริง ๆ เลยก็มี คำไหนสะกดยังไง พวกการขึ้นหัวจดหมาย คำลงท้ายต่าง ๆ ตอนเป็นกกต. ก็เปิดรัฐธรรมนูญอ่านมาแล้ว”

“จากแผนกิจกรรมที่ได้วางกันไว้ในตอนแรกนั้นก็ได้จัดทุกกิจกรรมเลย เช่น งาน Talk of the Town, งานแบดมินตันสามัคคี 60 ปี, งานลอยกระทง และงานประกวดภาพถ่าย ทั้งที่คิดว่าจะไม่ได้จัดครบทั้งหมด แค่เขียนไว้เป็นไอเดียเฉย ๆ รวมถึง Person of the Month เดือนนี้ที่ได้ดำเนินมาถึง Volume ที่ 11 แล้ว นอกจากนั้นก็มีเรื่องของการรวบรวมข้อมูลเรื่องการศึกษาต่อหรือการใช้ชีวิตในเยอรมนี ที่สามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเรา แต่ด้วยที่ข้อมูลมันมีความหลากหลาย และแต่ละคนก็อาจจะเจอปัญหา สถานการณ์ที่แตกต่างกัน ข้อมูลของเราอาจจะตอบโจทย์ของทุกคนไม่ได้ทั้งหมด ก็คิดว่าถ้าในอนาคตทีมงานชุดปัจจุบันจะสานต่องานตรงนี้ได้ก็น่าจะดี”

แล้วงานไหนที่จัดแล้วรู้สึกว่าประทับใจที่สุด?

“โอ้โห! ตอบยาก ขอสองงานได้มั้ย? งานลอยกระทงก็ประทับใจเพราะเป็นงานใหญ่สุดของปีและคนมาเยอะมาก ถึงแม้จะเป็นงานที่จริง ๆ แล้วมีแต่ปัญหา มีแต่ข้อผิดพลาด แต่พอจบงานแล้วมีคนมาบอกว่า ไม่เห็นรู้เลยว่ามีปัญหา ซึ่งก็ดีใจที่งานมันผ่านไปได้ด้วยดี งานต่อไปก็คงเป็นงานประชุมใหญ่สามัญฯ หรืองานเลือกตั้งฯ ที่เพิ่งจัดไปซึ่งหลัก ๆ เลยก็คงเป็นกิจกรรมแรลลี่ คือไม่คิดมาก่อนเลยว่ากิจกรรมนี้จะกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาที่คนมาพูดถึงตลอดแม้จะเล่นจบแล้ว ระหว่างกินข้าวเย็น ปาร์ตี้ตอนกลางคืน จนนั่งรถกลับ ก็เลยรู้สึกตื้นตัน เพราะเรา ไบร์ท พี่หมู สามคนที่ทำกิจกรรมแรลลี่ งานตรงนี้มันหนักกว่าที่คิดมาก แต่เลือกทำสามคนเพราะอยากให้คนได้เล่นมากที่สุด แล้วพอมันออกมาแบบนี้ก็ดีใจ”

กิจกรรมมากมายตลอดปีขนาดนี้ คงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าขาดทีมงานทุกคนที่ช่วยทำให้มันสำเร็จ ผู้เขียนเลยขอให้อดีตนายกฯ พูดอะไรถึงทีมงานของตัวเองสักหน่อย

“ถ้าทำได้จะพูดรายตัวเลย แต่ขอเก็บไว้ก่อน แต่ถ้าให้พูดโดยรวม ปกติเค้าคงจะขึ้นด้วยการขอบคุณ แต่เราขอเริ่มด้วยการขอโทษก่อนแล้วกัน จริง ๆ เราไม่ใช่คนใจเย็นตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าเราได้เคยอารมณ์เสียใส่ใครก็ต้องขอโทษด้วย แค่มีความรู้สึกว่าอยากให้งานมันออกมาดีจริง ๆ

ก็ขอขอบคุณเพราะงานทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคน รู้สึกว่าฝ่ายที่งานหนักมากคือฝ่ายประชาสัมพันธ์ คือก็ทำโปสเตอร์อะไรกันออกมาสวยและดูดีกว่าที่คาดไว้ ก็รู้สึกดีใจ”

แม้วันนี้สถานะการเป็นนายกฯของมุกจะได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องส่งต่องานให้กับทีมปัจจุบัน รวมถึงให้คำแนะนำต่าง ๆ เพราะมุกเล่าว่าความรู้และประสบการณ์จากรุ่นพี่ หรือคนที่เคยทำงานมาก่อน มีประโยชน์ต่อการทำงานมาก ๆ และได้ฝากไว้ว่าอยากให้ทีมนี้ทำต่อให้ดี เพราะสมาคมก็ได้ก่อตั้งมาเป็นปีที่ 60 แล้ว ก็อยากให้มันคงอยู่ต่อไป ก็อยากฝากไว้กับเด็กรุ่นใหม่

หลังจากนี้มุกก็จะกลับไปตั้งใจเรียนในเทอมสุดท้ายที่เหลือ ก่อนที่จะเดินทางกลับไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“ถ้าถามว่าทำไมถึงกลับ จริง ๆ มันก็สองจิตสองใจอะนะ ที่ไทยก็มีครอบครัวอยู่ แล้วมันก็เป็นบ้าน ประกอบกับเราก็เรียนต่างประเทศตั้งแต่ปริญญาตรี ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ ที่เยอรมันก็มีงานแต่ก็หายากกว่า ถ้าได้ทำจริง ๆ ก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ก็กลับดีกว่า

พอเข้ามาทำงานสมาคมฯ แล้วทำให้เริ่มอยากทำงานอย่างอื่นมากกว่าการเล่นดนตรี จากเดิมที่ชอบการทำงาน organize อยากเป็นผู้จัดการวงออร์เคสตรา อะไรแบบนั้น หรือแม้แต่อยากเล่นการเมืองก็เคยคิด ก็ต้องดูกันต่อไป”

สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็หวังว่าผู้อ่านจะได้เห็นมุมมองของมุกในชีวิตการเรียนและการทำงานในฐานะนายกสมาคมฯ ที่ได้มามากกว่าความรู้ความสามารถ แต่เป็นมิตรภาพ และประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ ซึ่งผู้เขียนเองก็ยินดีมาก ๆ ที่ได้เป็นหนึ่งในทีมมีโอกาสเป็นคนนำเรื่องราวมาส่งต่อ ผ่าน Person of the Month ที่ได้บุคคลที่ไม่ใช่แค่คนเก่ง แต่เป็นคนที่มีเรื่องราวที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครก็ตามที่ได้อ่านไม่มากก็น้อย ถ้ามีโอกาสคงจะได้พบกันใหม่นะครับ

สวัสดีครับ