ไปไหนดีเยอรมนี: Weimar ….a place where my heart belongs

อาจจะฟังแล้วดูตลก แต่ทุกๆครั้งที่มีคนถามว่า “เรียนที่เมืองไหนในเยอรมนีหรอ” แล้วตอบไปว่า “ไวมาร์ค่ะ” จะต้องได้รับการตอบสนองเดิม ๆ ทุกครั้งว่า “เอ่อ มันคือที่ไหน” “ อยู่ตรงไหน” หรือ “ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ถ้าบางครั้งโชคดีหน่อยก็จะได้รับเสียงตอบรับว่า “อ่อ สาธารณรัฐไวมาร์ ที่ฮิตเลอร์ไปตั้งแคมป์ ตอนก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เออ ๆ เคยได้ยินอยู่” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บทสนทนาก็จะจบลงเพียงแค่เท่านี้ ยอมรับความจริงว่าถ้าไม่ได้จะสมัครเรียนที่นี่ก็คงไม่ได้เปิดกูเกิ้ล แล้วพิมพ์คำว่า “ไวมาร์” ลงไปตรงช่องค้นหา และถ้าไม่ได้มาเรียนที่นี่ก็คงไม่มีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความประทับใจแห่งนี้ เอาเป็นว่าวันนี้ขอใช้พื้นที่ตรงนี้มาขอนำเสนอ เรื่องราวของเมืองเล็ก ๆ ที่ทั้งเหมาะกับทริปสั้น ๆ เช้าไป-เย็นกลับ หรือมาอยู่เงียบ ๆ สักพักเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

ไวมาร์เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่จัดว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในรัฐ Thüringen ทางตอนกลางของประเทศเยอรมนี ถ้าถามคนเยอรมันว่าคิดถึงอะไร เมื่อคิดถึงไวมาร์ ทุกคนจะตอบว่า Goethe & Schiller ที่คนทั่วไปมัดคิดว่า Goethe เป็นนักกวีเพียงอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วท่านยังเป็นนักการเมืองและนักกฎหมายด้วย เรียกได้ว่าถ้าไม่มีบุคคลสองท่านนี้ ไวมาร์คงไม่เป็นเมืองที่รุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ ด้านหลังรูปปั้น Goethe & Schiller คือ Deutsche Nationaltheater und Staatskapelle Weimar (DNT) โรงละครอันโด่งดังของเมือง แต่ก่อนหน้าจะมาเป็นโรงละครนั้น สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย

ถ้าถามคนที่อยู่ไวมาร์ว่า “เมืองนี้มีดียังไง” คำตอบที่ได้คงจะเป็น เมืองนี้เป็นเมืองที่สงบ ธรรมชาติงดงาม และผู้คนเป็นมิตร ถึงแม้ว่าไวมาร์จะจัดว่าอยู่ในเยอรมันตะวันออก แต่ด้วยความที่เมืองนี้มีนักเรียนต่างชาติเยอะ ผู้คนที่นี่เลยคุ้นเคยกับสังคมที่มีหลายวัฒนธรรม อาจจะยากหน่อยสำหรับการสื่อสารกับคนที่นี้ เพราะหากตัดนักเรียนออกไปแล้ว ที่นี่เป็นสังคมของเด็กและคนชรา

 

กิจกรรมยามว่างของคนไวมาร์มักเป็นการพบปะสังสรรค์ตามร้านกาแฟ เดินเล่นในสวนในวันที่อากาศเป็นใจ ไวมาร์เป็นเมืองที่มีสวนขนาดใหญ่มาก จนกระทั่งคนเยอรมันเคยกล่าวไว้ว่า “ไวมาร์ไม่ได้เป็นเมืองที่มีสวน แต่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีเมือง” สวนสาธารณะที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ Park ad der Ilm

ความโด่งดังอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือ สถาปัตยกรรมแบบ Bauhaus ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เน้นรูปลักษณ์ที่สวยงาม ประกอบกับประโยชน์ใช้สอย ไวมาร์เป็นเมืองต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมแบบ Bauhaus และมีมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อด้านสถาปัตยกรรม Bauhaus University นอกจากคณะสถาปัตยกรรมแล้ว มหาวิทยาลัยนี้ยังมีการเรียนการสอนสาขาวิศวกรรมศาสตร์และศิลปศาสตร์อีกด้วย เมื่อเดินเที่ยวชมเมืองไวมาร์ เราจะได้พบเห็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่

เมื่อพูดถึงมหาลัยด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เอ่ยถึง มหาวิทยาลัยดนตรีที่โด่งดังอย่าง Hochschule für Musik Franz liszt เมื่อมีมหาลัยวิทยาลัยดนตรีก็ทำให้ไวมาร์เป็นเมืองแห่งเสียงเพลง และเต็มไปด้วยศิลปิน ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในเมืองก็จะพบนักดนตรีบรรเลงเพลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะที่ถนนใจกลางเมืองอย่าง Schillerstrasse

หากพูดถึงกิจกรรมสำคัญของเมืองที่คอยสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คนในเมืองคงจะต้องเริ่มที่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่สำหรับที่อื่นคงเป็นเพียงแค่วันแรงงาน แต่สำหรับที่นี่เป็นวันที่ทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่เพราะการแข่งขันที่ชื่อว่า Space kid head cup ซึ่งจัดมายาวนานร่วม 30 ปี สำหรับกติกาก็ไม่ยากเพียงแค่ ออกแบบและสร้างรถเลื่อนให้แปลกแหวกแนว แล้วเมื่อถึงวันแข่งจะมีการปล่อยรถเลื่อนของเราลงเนินเขา ซึ่งแน่นอนหากรถเลื่อนใครไม่แข็งแรงพอ บังคับทิศทางได้ไม่ดีก็จะมีการชนและพังกลางทาง

ช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีการจัดงานแสดงมากมาย โดยตลอดเดือนสิงหาคมจะมีงานแสดงศิลปะทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงดนตรี ละครเวที และงานแสดงอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันจะมีงาน Genius Loci เป็นงานแสดงแสง สีเสียงตามสถานที่ต่าง ๆ ของเมือง โดยก่อนหน้านั้นจะมีการประกวดเสนอไอเดียเพื่อจัดแสดงในงานด้วย

ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ในขณะที่เมืองอื่นมีการจัดงาน Oktoberfest ที่ไวมาร์ก็มีงาน Zwiebelmarkt หรือเทศกาลหัวหอม เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่หัวหอมกำลังออกผลผลิตทั่วรัฐ รูปแบบของงานก็แทบจะเหมือน Oktoberfest ที่เพื่มเติมคือผลิตภัณฑ์ และอาหารทุกอย่างที่ทำจากหัวหอม ! ผู้คนจากทั่วทั้งรัฐจะเดินทางมาเที่ยวที่งานนี้ ไวมาร์มีประชากร 60,000 คน แต่ผู้คนที่มาเที่ยวงานนั้นมีมากถึงสามเท่าของจำนวนประชากร

ปิดท้ายที่ตลาดคริสมาสต์ที่มีจัดกันทุกเมือง ตลาดคริสมาสต์ของที่นี้จัดได้ว่ามีขนาดเล็ก แต่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน และอบอุ่นไปทั่ว

ถ้าหากใครสนใจที่จะมาเที่ยวไวมาร์ และมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ขอแนะนำให้มาถึงในช่วงสาย ๆ ไปเที่ยวค่ายกักกัน Buchenwald ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปไม่เกิน 30 นาที จากนั้นช่วงบ่ายกลับมาเที่ยวใจกลางเมือง อาจจะเลือกเข้าชม Stadtschloss หรือ บ้านของ Goethe ก็ได้ แต่ที่ห้ามพลาดคือเดินเล่นในสวนสาธารณะ และจิบกาแฟยามบ่ายตามวิถีของคนไวมาร์

หากใครได้มาเยี่ยมเยือนไวมาร์สักครั้ง  รับรองว่าจะได้รับความประทับใจ และอยากกลับมาเที่ยวเมืองที่น่ารักและอบอุ่นแห่งนี้อีกแน่นอน