Person of the Month สิงหาคม 2560 : พรพิมพ์ อำไพกิจพาณิชย์

สวัสดีทุกคนครับ วันนี้เราจะพาไปรู้จักสาวน้อยเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพอาหารกล่องพร้อมปรุง Konkrua Thai Kochbox พรพิมพ์ อำไพกิจพาณิชย์ หรือ พิมพ์ กับเส้นทางชีวิตที่เราอาจจะไม่ได้พบเห็นกันได้บ่อยนักสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่ในเยอรมนี ซึ่งโดยทั่วไปมักจะหางานทำในบริษัท ดำเนินชีวิตในเส้นทางที่เรียบง่าย มากกว่าจะมาสร้างธุรกิจด้วยตัวเองที่มีขั้นตอนซับซ้อนและยากเย็นกว่าเมืองไทยมากนัก เราจะพาไปรู้จักพิมพ์ให้มากขึ้น ว่าอะไรและสิ่งใดบ้างที่หล่อหลอมให้เธอกลายมาเป็นพรพิมพ์ในแบบทุกวันนี้ความชัดเจน คือแกนหลักในการดำเนินชีวิตของพิมพ์ จากเด็กสาวมัธยมต้น ที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนสายวิทย์ อยากให้เป็นหมอ แต่พิมพ์รู้ตัวตั้งแต่แรกว่าไม่ชอบสายวิทย์ คุณแม่จึงตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าสอบไม่ติดโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังแห่งหนึ่ง พิมพ์จะต้องเรียนสายวิทย์นะ เมื่อได้ยินดังนั้นพิมพ์จึงตั้งใจอ่านหนังสือสอบอย่างแน่วแน่จนสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนั้นได้ในสายศิลป์เยอรมัน และนั้นคือความชัดเจนแรกที่ทำให้พิมพ์ก้าวผ่านความสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้น

เมื่อได้เข้ามาเรียนในสายศิลป์เยอรมัน เป้าหมายต่อไปของพิมพ์ก็คืออยากที่จะพูดภาษาเยอรมันให้เก่งขึ้น โดยเริ่มเรียนภาษาเยอรมันที่สถาบันเกอเธ่ (ประเทศไทย) ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมเสียอีก ความตั้งใจของพิมพ์ส่งผลให้ได้รับคัดเลือกไปแข่งโอลิมปิกภาษาเยอรมันที่เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี รวมทั้งได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เมืองไฟรบวร์กเป็นเวลาอีก 1 ปี ซึ่งโอกาสในครั้งนั้นก็ได้เปิดโลกและทำให้พิมพ์ค้นพบตัวเอง สิ่งสำคัญที่พิมพ์ได้เรียนรู้จากการไปแลกเปลี่ยนในครั้งนั้น และทำให้อยากกลับมาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีก็คือ คนไทยจะสอนเด็กให้เป็นคนดี เป็นคนเก่ง แต่คนเยอรมันจะสอนให้เป็นตัวเอง ในแบบที่เราเป็น

ในสังคมประเทศเยอรมนี ถ้าเราเป็นคนเก่ง จะมีความสามารถอะไรก็ได้ จะเป็นนักกีฬาหรือทำอาหารเก่ง เราก็สามารถได้รับการยอมรับจากสังคม ต่างจากสังคมไทย ที่ไม่ได้ชื่นชมในสิ่งที่เราเป็นเท่าไหร่นัก แต่จะชื่นชมในสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็นซะมากกว่า”

หลังจากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 ปี ความชัดเจน ในใจก็ทำให้เกิดการตัดสินใจครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ว่าจะกลับไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่เยอรมนีในสาขาโฆษณา โดยพิมพ์ให้เหตุผลว่าตัวเองนั้นชอบดูโฆษณาเยอะมาก อยากมีอิทธิพลกับความคิดและความรู้สึกคน โดยที่ยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อยู่ รวมทั้งเธอยังไม่อยากทิ้งภาษาเยอรมัน และเพราะความชัดเจนแน่วแน่นี้ พิมพ์ถึงกับไม่สมัครสอบแอดมิดชัน (การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทย ณ เวลานั้น) เพื่อเป็นการบังคับตัวเองว่ายังไงก็จะต้องไปเยอรมนีให้ได้ ในท้ายที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้ลงสอบวิชาหลัก พิมพ์ก็ยังสมัครสอบ PAT ภาษาเยอรมันเพื่อเป็นการวัดระดับความสามารถของตัวเอง และคว้าคะแนนอันดับหนึ่งของประเทศไทยไปครองด้วย

ในที่สุดเมื่อได้รับการตอบรับ และได้เดินทางมาเยอรมนีเพื่อเริ่มเรียนในโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย หรือ Studienkollegs พิมพ์พบว่าทั้งหมดที่ผ่านมานั้นก็เป็นแค่การตัดสินจากโลกที่เราคุ้นเคย ที่เราอยู่กับมันมาเกือบทั้งชีวิต ถึงจะมีดีกรี PAT เยอรมันติดระดับประเทศในมือ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีอย่างที่คิด ณ เวลานั้นเอง ที่ทำให้ความคิดของพิมพ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ตอนเรียน Studienkolleg จะมีให้เขียนเรียงความส่ง เป็นการบ้านวิชาภาษาเยอรมัน ตอนนั้นเราก็มั่นใจภาษาเยอรมันของเราในระดับนึงเลยนะ แต่ปรากฎว่าตอนคุณครูส่งการบ้านคืนมา โดนแก้ปากกาแดงเต็มหน้า แถมครูโยนปากกาแดงใส่และบอกว่า เธอไปซื้อปากกาแดงมาให้ชั้นใหม่ด้วยนะ ภาษาเยอรมันเธอน่ะ Kindergarten มาก”

พิมพ์บอกว่าตอนนั้นช็อคมาก และคิดว่าเฮ้ยเราที่หนึ่งประเทศเลยนะ ไหนจะเป็นตัวแทนโอลิมปิกอีก พิมพ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะแย่ได้ขนาดนี้

ความยากยังไม่จบแค่นั้น ด้วยความเป็นเด็กสายศิลป์เยอรมันมาตลอดสามปี แต่จะต้องมาเรียน W-Kurs ซึ่งหมายความว่าจะต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลายทั้งหมดภายในหนึ่งปี รวมทั้งเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนก็มีดีกรีระดับที่หนึ่งประเทศกันมาทั้งนั้น พิมพ์บอกว่าก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ ท้อใจและร้องไห้หลายครั้ง แต่สิ่งเหล่านั้นก็เป็นการเปิดโลกให้กับพิมพ์เองว่า ที่เราเรียน ๆ กันอยู่เนี่ยมันหลอกเรานะ ยังมีคนที่เก่งและเก่งกว่าเราอีกมากมาย ซึ่งพิมพ์ก็สามารถฝ่าฟันปีนั้นมาได้ จนได้เข้ามหาวิทยาลัยตามที่หวัง และยังบอกอีกว่าน่าจะเป็นปีที่หนักที่สุดตั้งแต่มาอยู่เยอรมนีเลย

สถานะการเป็น Student นี่มันมีคุณค่ามากเลยนะ พิมพ์กล่าว ในขณะที่ผู้เขียนก็แทบจะเห็นด้วยกับประโยคนี้ในทันทีที่ได้ฟัง เพราะว่ามีบริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ มากมายที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้ามาฝึกงานหรือทำงานในหัวข้อหรือตำแหน่ง ที่พอเราเรียนจบแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสทำงานในตำแหน่งนี้หรือเปล่า

การศึกษาในระดับปริญญาตรีมีข้อกำหนดให้นักศึกษาต้องฝึกงานในบริษัท ซึ่งพิมพ์ก็ได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทด้านโฆษณาชื่อดังแห่งหนึ่งในเยอรมนี ในตำแหน่งงานที่ตัวเองต้องการ ซึ่งการฝึกงานครั้งนี้ก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของพิมพ์

“ตอนนั้นเราได้ทำงานในตำแหน่งและบริษัทที่เราเคยฝันแล้ว แต่เรายังหยุดคิดไอเดียเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้เลย เราเริ่มคิดว่าเราควรทำงานที่มีพื้นที่ให้ความคิดสร้างสรรค์ของเรา” พิมพ์เล่าว่างานโฆษณา ถ้าเราทำเป็นงานอดิเรก เราจะใส่ไอเดีย จะทำยังไงกับมันก็ได้ จะปล่อยของเท่าไหร่ก็ได้ แต่พอเมื่อเอามันมาเป็นงานแล้ว ถึงแม้เราจะอยากทำ อยากจะปล่อยของเท่าไหร่ แต่ลูกค้าจะเอาแค่นี้ มันก็จบ พิมพ์ยังบอกอีกว่าความฝันลึก ๆ ของคนทำงานโฆษณา คือวันนี้เราจะทำงานเพื่อขายผลิตภัณฑ์ไปก่อน และวันหนึ่งเราจะได้ทำงานเพื่อช่วยคนโดยใช้โฆษณา แต่พอได้เข้าไปทำงานจริง ๆ สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็คือเพื่อเงิน และนั้นไม่ใช่เส้นทางชีวิตที่พิมพ์อยากมี

หลังจากตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะหันหลังให้กับงานโฆษณา พิมพ์จึงเริ่มเข้าสู่วงการธุรกิจสตาร์ทอัพเต็มตัว จากที่มีความสนใจเป็นทุนเดิม คอยตามหาข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมอยู่ตลอด โดยเริ่มจากการเข้าเวิร์คช็อปกับสตาร์ทอัพเซนเตอร์ของมหาวิทยาลัยในช่วงสุดท้ายของการเรียนปริญญาตรี

แต่การที่นักศึกษาต่างชาติจบใหม่จะริเริ่มทำธุรกิจอะไรซักอย่างหนึ่งในเยอรมนีคงไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยทั่วไปหลังจากเรียนจบนักศึกษาจะได้วีซ่าอีกเป็นเวลาปีครึ่งในการหางาน แต่สำหรับคนที่จะสร้างธุรกิจจะต้องทำวีซ่าประเภท Selbständige Tätigkeit ที่ขั้นตอนในการทำนั้นซับซ้อนวุ่นวาย และใช้เวลาโดยประมาณ 1 ปี

ตอนที่ไปขอ Ausländerbehörde เค้าบอกว่า เลิกคิดไปได้เลย แทบไม่มีนักศึกษาคนไหนเคยได้ เราเลยเศร้ามาก เลยลองไปปรึกษากรมพาณิชย์ ซึ่งก็ได้คำแนะนำมาว่าไอเดียของพิมพ์ดี มีโอกาสนะ และต้องเขียน Business Plan ออกมา”

ในช่วงที่เขียน Business Plan ก็เป็นอีกช่วงที่พิมพ์รู้สึกเคว้งและเครียด เลยได้ลองยื่นสมัครงานด้านมาร์เก็ตติ้งไปที่บริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในเมืองชตุทท์การ์ท ซึ่งพิมพ์ก็ได้ผ่านไปจนถึงรอบสุดท้ายแต่ก็พลาดตำแหน่งนั้นไปให้กับผู้สมัครอีกคนหนึ่ง โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นห่วงเรื่องภาษาเยอรมันของพิมพ์“จากวันนั้นเลยคิดได้ว่า เราจะไม่มีวันได้งานที่ดีขนาดนั้น ถ้าภาษาเยอรมันยังเป็นอย่างนี้ มันเป็นจุดอ่อนของเราเวลาไปสมัครงาน เวลาเค้าถามจุดอ่อนของเราคืออะไร เราก็จะบอกว่า ถ้าเทียบกับคนเยอรมันก็คือภาษา เราเลยรู้สึกว่าทำไมเราไม่ทำงานที่มันลบจุดอ่อนและเสริมสร้างจุดแข็งของตัวเราเอง ก็เลยเริ่มคิดเรื่องความเป็นไทย เอาความเป็นไทยมาขาย ตอนนี้เราเลยรู้สึกว่าเราจะพูดภาษาเยอรมันยังไงก็ได้ จะสำเนียงไทย จะพูดเด๋อยังไง คนก็ยังรู้สึกว่า โอ้ authentisch!”

ด้วยไอเดียของพิมพ์ที่อยากเอาความเป็นไทยมาเป็นจุดขาย สิ่งที่พิมพ์ได้ค้นพบอีกก็คือ ความเป็นไทย อาหารไทย ที่สามารถเล่าบรรยายได้ไม่มีที่สิ้นสุด

พิมพ์รู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย เพราะมันมีอะไรพิเศษเยอะมาก เดิมทีอาหารไทยก็มีความพิเศษอยู่แล้ว แต่สมมติว่าเราไปแต่งบูธ เรามีไม้ไผ่ มีร่มเชียงใหม่ มีชุดไทย มีผ้าไหม เยอะไปหมด”

แต่แล้วด้วยเวลาที่จำกัดกับความกดดันที่ตัวเองสร้างขึ้น ก็ทำให้พิมพ์เริ่มรู้สึก depress ในระหว่างเขียน Business Plan เพราะทำงานเหนื่อยทุกวัน พยายามอย่างหนักทุกวัน แต่รู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลยและไม่รู้ว่าจะได้มั้ย

“เมื่อก่อนชอบออกกำลังกายมาก ไปวิ่งบ้าง เต้นตาม Youtube บ้าง แต่แล้วช่วงนึงไม่ออกกำลังกายเลย ไม่มีความอยากทำอาหารดี ๆ กิน และที่แย่สุดก็คือเราเริ่มโทษตัวเอง ด่าตัวเองเยอะมาก จนได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Happiness Track เจอข้อคิดอย่างหนึ่งว่าเวลาเพื่อนเราทำผิด เราพร้อมที่จะให้อภัยเพื่อน เฮ้ยไม่เป็นไรนะ แต่พอเป็นตัวเอง เฮ้ยทำไมเราไม่เคยให้อภัยตัวเองเลย เอาแต่ด่า เอาแต่โทษตัวเอง และได้รู้อีกว่าเรื่องพวกนี้ไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วย Mindset แต่ต้องเปลี่ยนด้วย Action เลยกลับมาออกกำลังกายใหม่ เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิดใหม่ เลยดีขึ้น”

และในที่สุดแล้ว คนครัว ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจนมาถึงทุกวันนี้ พิมพ์เล่าอีกว่ามีคนเข้ามาบอกเยอะมากว่า ไอเดียของคนครัวเนี่ย ฉันก็เคยมี ฉันเคยคิดมานานแล้ว ซึ่งพิมพ์คิดว่า การที่จะมีไอเดียอะไรก็ตามขึ้นมาซักอย่างหนึ่งมันง่าย แต่การที่จะหาความเป็นไปได้ในบริบทที่มีมันยากมาก สิ่งเหล่านี้แหละที่คนจะไม่เห็น มีองค์ประกอบอีกเยอะมากที่ประกอบกันออกมาเป็น คนครัว ที่มันไม่ใช่แค่ไอเดีย

เราอยู่ในอายุที่แบบเพื่อนเริ่มเปลี่ยนงานไป 2-3 งานแล้ว บางคนบอกว่าเราโชคดี หรือน่าอิจฉาจังที่ได้เจออาชีพที่ชอบ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ความโชคดี แต่มันคือสิ่งที่เราต้องชัดเจนกับตัวเองว่าอะไรสำคัญในชีวิตจริง ๆ แล้วเราก็จะไม่เดินทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือคนในชีวิต ถ้าเราชัดเจน เราก็จะไม่เสียเวลาไปกับอะไรที่ผิด บางคนเลือกงานเพราะเอาอันนี้ไว้ก่อน เงินดี ซึ่งเราเองชัดเจนตั้งแต่ม.ต้นว่าเราไม่ชอบสายวิทย์ เราจะมาเยอรมนี มันเป็นสิ่งที่เราคิดมามาก ๆ แล้ว มันไม่ใช่ความโชคดีที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักเพราะว่าเราโชคดี ถ้าเราคิดตั้งแต่แรก เราจะได้ไม่มาเสียใจตอนหลัง ต้องตั้งคำถามกับตัวเองเยอะ ๆ และอย่าใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยไม่คิดมาก”

มาถึงจุดนี้คงเห็นกันแล้วว่า ความชัดเจน ที่พิมพ์มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันช่วยส่งเสริม ช่วยเป็นแรงผลักดัน อีกทั้งยังช่วยให้พิมพ์ก้าวผ่านความสำเร็จในหลาย ๆ ช่วงของชีวิต ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือท้อแค่ไหนก็ตาม

พิมพ์ยังเล่าอีกว่าสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่คนครัวพาพิมพ์มาเจอก็คือ คน ซึ่งก็จะเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยคล้าย ๆ กัน คนที่มีความเชื่อ มี Passion กับอะไรบางอย่าง ในระหว่างทางนั้นพิมพ์ได้ขอความช่วยเหลือจากคนหลาย ๆ คนแล้วก็มีคนมากมายที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ ซึ่งพิมพ์กล่าวด้วยแววตาจริงใจว่า

“พิมพ์ไม่เคยลืมบุญคุณของพวกเค้าเหล่านั้นเลย พิมพ์ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองคนเดียวและคิดอยู่เสมอว่าทุกคนมีส่วนในการมีอยู่ของคนครัวในทุกวันนี้ เราบอกตัวเองว่าต่อให้สุดท้ายแล้วคนครัวจะเจ๊ง จะไม่ประสบความสำเร็จ และเรารู้ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคอีกเยอะมาก แต่เราก็จะเก่งขึ้นและเข้าใกล้คนที่เราอยากเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังไงก็คุ้ม จะเจ๊งก็คุ้ม”

สำหรับคริสต์มาสนี้ที่กำลังจะมาถึง ถ้ากำลังคิดหาของขวัญให้ใครในวันสำคัญ อย่าลืมนึกถึง Konkrua Thai Kochbox ซึ่งจะเป็นของขวัญแบบที่แกะออกมาแล้วได้ลองทำ ตอนทำก็สนุก ตอนกินก็อร่อย ได้แชร์ความสุขกันในครอบครัว ทั้งคนทำและคนทาน และพิมพ์ทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าใครสนใจอยากทำสตาร์ทอัพ หรือ Business VISA สามารถมาขอคำปรึกษาได้ พิมพ์พร้อมช่วยเหลือเต็มที่

สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็ขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามอ่านกันจนมาถึงตอนสุดท้าย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวและพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อ พิมพ์ ที่เราถ่ายทอดออกมาผ่านตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ คงจะสร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจให้กับใครก็ตามที่อาจจะกำลังท้อใจในการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่ใน Person of the Month เดือนกันยายนครับ


เฟสบุคเพจ Konkrua Thai Kochbox

https://www.facebook.com/konkruakochbox/

Konkrua Thai Kochbox คืออาหารกล่องพร้อมปรุงที่ภายในแพคเกจประกอบไปด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่สำคัญและอาจจะหาได้ไม่ง่ายนักในซูเปอร์มาเก็ตทั่วไปในเยอรมนี รวมทั้งคำอธิบายขั้นตอนการทำเมนูนั้น ๆ ที่พิมพ์มีไอเดีย ที่นอกจากจะให้คนได้ลิ้มรสอาหารไทยที่อร่อย แต่ยังเปิดโอกาสให้คนได้ทดลองทำอาหารไทยด้วยตัวเองร่วมกับคนในครอบครัว เป็นการแชร์ความสุขทั้งคนทำและคนทาน

   

และสำหรับบทความน่าสนใจอื่น ๆ เชิญติดตามได้ที่ บล็อกของสมาคมนักเรียนไทยในเยอรมนี นะครับ